ถ้าเปรียบเว็บไซต์เหมือนกับร้านค้าที่ต้องมีการดูแลและปรับปรุงอยู่เสมอ ถ้าเว็บไซต์นั้นถูกทำขึ้นมานานแล้วและไม่ได้รับการดูแลก็เหมือนกับร้านค้าที่ยังคงการตกแต่งแบบเดิม ๆ มีเก้าอี้ มีโต๊ะที่พัง ๆ อยู่ในร้าน เวลาใครจะเข้ามาทีหนึ่งก็ไม่มั่นใจว่าร้านค้าของเรายังเปิดให้บริการอยู่หรือเปล่า หรือที่แย่กว่านั้นลูกค้าก็จะคิดว่าร้านของเราไม่ดีแน่ ๆ
4 เช็คลิสต์ที่จะมาช่วยตรวจสอบให้ว่า “ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราจะต้องปรับปรุงหรือแก้ไข้เว็บไซต์อันเดิม”
- เว็บไซต์ไม่รองรับการเปิดดูในมือถือ
มากกว่า 50% ของผู้ใช้อินเตอร์เน็ตเวลาจะเปิดดูอะไรก็มักจะเปิดดูในมือถือเป็นหลัก รองลงมาคือคอมพิวเตอร์และแท็บเล็ต ดังนั้นแล้วเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกเลยที่เว็บไซต์ของเราจะต้องสามารถเปิดดูในมือถือได้
รูปแบบของเว็บไซต์ที่เปิดดูในมือถือ คอมพิวเตอร์และแท็บเล็ตจะแตกต่างกัน อยากรู้ว่าเว็บไซต์เราหน้าตาเป็นแบบไหนให้ลองเปิดดูทั้งในมือถือ คอมพิวเตอร์และแท็บเล็ต โดยส่วนมากรูปแบบหรือ layout ของเว็บไซต์เวลาเปิดในมือถือจะเป็นแถวยาวเรียงลงมาเรื่อย ๆ ให้อ่าน ส่วนรูปแบบในคอมพิวเตอร์ก็จะเป็นอีกแบบเพราะคอมพิวเตอร์มีพื้นที่ในการวาง layout มากขึ้น ดังนั้นเว็บไซต์ในคอมพิวเตอร์ในหนึ่งหน้าจะมีหลาย column
![](https://house11.se/wp-content/uploads/2021/03/Artboard-1-1024x768.png)
เว็บไซต์ที่รองรับการเปิดดูในทุกอุปกรณ์จะต้องสามารถหด ขยาย column ต่าง ๆ ที่มีอยู่ในหน้าเว็บไซต์ได้อย่างสมบูรณ์แบบคือ ไม่มีอะไรขาดเกิน
ปัจจุบันนี้แทบจะเห็นเว็บไซต์ที่พอเปิดมาในมือถือแล้วหน้าตาของเว็บไซต์ก็ยังเหมือนแบบที่เปิดในคอมพิวเตอร์ แต่ถ้าเว็บไซต์ของคุณยังเป็นแบบนั้นอยู่ล่ะก็ ควรจะต้องแก้ไขทันทีค่ะ
เข้าไปเช็คเว็บไซต์ของเราว่ารองรับกับอุปกรณ์หรือไม่ได้ที่ https://responsivedesignchecker.com/
2. ไม่เคยมีการแก้ไข้เนื้อหา รูปภาพและลิงค์เลย ตั้งแต่ทำเว็บไซต์มา
คุณเป็นอีกคนหนึ่งหรือเปล่าค่ะที่คิดว่าทำเว็บไซต์เสร็จแล้วก็เสร็จเลย แล้วก็ไม่เคยมาเหลียวแลเว็บไซต์นั้นเลย ถึงเวลาแล้วนะคะที่ต้องหันมาให้ความสนใจเว็บไซต์พอ ๆ กับการอัพโหลดรูปลงเฟสบุ๊ค การที่มีเนื้อหา รูปภาพและลิงค์ที่เก่าลงผลเป็นอย่างมากต่อผู้ที่เข้ามาใช้เว็บไซต์ของคุณ
- ลูกค้าหรือผู้ใช้ไม่แน่ใจว่าร้านค้าของคุณยังเปิดให้บริการอยู่ไหม มีโอกาสที่ลูกค้าจะออกจากเว็บไซต์ของคุณและไปหาร้านอื่นแทน (และไม่กลับมาที่เว็บไซต์ของคุณอีกเลย)
- เนื้อหาที่เก่ามากอาจจะไม่ตอบโจทย์กับลูกค้าปัจจุบัน เวลาที่ลูกค้าค้นหาใน Google หรือมาที่เว็บไซต์ของคุณเขารู้แล้วว่าเขาต้องการอะไร แต่ถ้าเนื้อหาในเว็บไซต์ไม่อัพเดท เราก็มีโอกาสที่จะเสียลูกค้าไปได้
ดังนั้นแล้วเช็คเนื้อหา รูปภาพและโดยเฉพาะลิงค์ต่าง ๆ ที่มีในเว็บไซต์ว่ายังสามารถกดเข้าไปได้ไหม ถ้าผู้ใช้เข้ามาแล้วลิงค์พังนี้ก็เตรียมบอกมือลาลูกค้าได้เลยเพราะลูกค้าจะไปหาร้านใหม่ที่ดีกว่า
3. รูปแบบเว็บไซต์ยังคงสไตล์วินเทจเหมือนสมัยยุค 90
อะไรที่เป็นวินเทจ retro ดีนะคะ แต่ไม่ใช่เว็บไซต์ของคุณ ปัจจุบันนี้เทรนของรูปแบบเว็บไซต์เน้นพื้นที่สีขาวหรือพื้นที่ว่าง White space มากขึ้นเพราะทำให้เว็บไซต์ดูสบายตา อ่านง่าย ผู้ใช้รู้สึกที่จะอยากอยู่ในเว็บไซต์ของเรานาน
นอกจากนี้ฟอนต์ตัวอักษรที่ใช้ก็ไม่ควรใช้มากกว่า 2 แบบและควรเป็นฟอนต์ที่อ่านง่าย สบายตาเพราะการสื่อสารบนเว็บไซต์คือการสื่อสารผ่านตัวอักษร ลูกค้าจะรับรู้บริการต่าง ๆ ที่มีได้แบบเข้าใจง่ายและรวดเร็วคือผ่านตัวอักษรที่อ่านง่าย
สีของเว็บไซต์ไม่ควรมีมากกว่า 2 สีเรียกว่า “น้อยแต่มาก” ช่วยสร้างความน่าสนใจและดึงดูดผู้ใช้ได้ดีกว่า
4. เว็บไซต์ใช้เวลาโหลดนาน
ดูเหมือนข้อนี้จะไม่สำคัญแต่ก็เป็นปัจจัยหนึ่งเลยที่ทำให้ผู้ใช้หรือลูกค้าตัดสินใจว่าจะเข้าเว็บไซต์เราหรือเปล่า มีหลาย ๆ การศึกษาบอกว่า ถ้าเว็บไซต์ใช้เวลาในการโหลดมากกว่า 3 วินาที มีโอกาสที่ผู้ใช้จะออกไปจากเว็บไซต์เลย นั้นก็หมายความว่าผู้ใช้หรือลูกค้ายังไม่ได้รู้จักหรือซื้อของอะไรจากร้านเราเลย เพราะรอไม่ไหว อย่าลืมนะคะว่าพฤติกรรมผู้ใช้มือถือต้องการอะไรที่รวดเร็ว แบบเปิดปุ๊ปเจอเลย ซื้อเลย
ให้เข้าไปที่ PageSpeed insights ของ Google แล้วใส่ชื่อเว็บไซต์ของเรา แล้วมันจะประมวลผลบอกว่า ความเร็วของเว็บไซต์ในการโหลดนี้อยู่ที่คะแนนเท่าไหร่ แล้วถ้าได้คะแนนไม่ดี เขาก็แนะนำว่า ต้องปรับปรุงและแก้ไขอะไรบ้าง
![](https://house11.se/wp-content/uploads/2021/09/psi_720.png)